วิธีการดูแลสุขภาพดวงตาของลูกเราให้สามารถใช้งานไปได้นาน ๆ ทำได้อย่างไร
เด็กไม่สามารถที่จะบอกเราได้ว่าเขาสามารถมองเห็นหรือมองไม่เห็น เพราะฉะนั้นการดูแลเอาใจใส่จะสำคัญเพราะถ้าหาก ว่าเรารู้ว่าเด็กเป็นโรคอะไรแต่เนิ่น ๆ การรักษาจะได้ทันท่วงที เราจะสังเกตได้อย่างไรว่าเด็กมีความผิดปกติเหล่านี้ นพ.ปกป้อง ปราณีประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ผู้ปกครองสามารถสังเกตได้หลายแบบ บางครั้ง เด็กอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าเขามองไม่เห็นหรือมีสายตาผิดปกติ แต่เขาอาจจะมีอาการอย่างอื่น เช่น มีการกะพริบตามากกว่าปกติ มีการก้มมองวัตถุใกล้กว่าปกติ มีการหยีตา การเอียงศรีษะไปมา การเดินชนวัตถุรอบตัว หรือ บางครั้งไม่มีอาการอะไรเลยก็เป็นไปได้ ถ้าผู้ปกครองสังเกตุเห็นความผิดปกติอะไรก็ตามในลูกตาของเด็ก หรือสงสัยว่ามีความผิดปกติ แนะนำให้รีบพามาพบจักษุแพทย์โดยเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุของเด็ก เช่น อาการผิดปกติในเรื่องของน้ำตาไหล ตาแดง หรืออาการอื่นๆที่ผู้ปกครองรู้สึกว่าไม่ปกติ ยิ่งมาพบจักษุแพทย์ได้เร็วเท่าไรยิ่งดีต่อดวงตาของเด็กยกตัวอย่างเช่น
เด็กเกิดมาตามองไม่ชัดหรือมองไม่เห็นข้างหนึ่ง จากโรคอะไรก็ตาม จากโรคจอประสาทตาหลุดลอก หรือว่าโรคต้อกระจก หรืออะไรก็ตาม การที่ตามองไม่เห็นหรือมองเห็นไม่ชัดข้างหนึ่งนั้น ทำให้ตาข้างนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน พอไม่ได้ใช้นานๆเข้า ก็อาจจะเกิดอาการตาเหล่ หลายๆครั้งที่ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่า อาการตาเหล่สามารถรอได้ ค่อยมารับการรักษาตอนที่เด็กโตขึ้น ซึ่งก็อาจจะทำให้รักษาไม่ทัน แต่หากผู้ปกครองพาเด็กๆมาพบจักษุแพทย์ ตัวอย่างเช่น เด็กมีอาการต้อกระจก จักษุแพทย์จะทำการรักษาผ่าต้อกระจก ให้แว่นตาที่ถูกต้องต่อสายตาเด็ก หรืออาจมีการปิดตา เหล่านี้อาจทำให้เด็กกลับมามองเห็นได้ หรือแม้แต่เด็กที่มีเฉพาะอาการตาเหล่ แต่โรคตาเหล่นี้ มักมากับอีกโรคหนึ่ง คือโรคตาขี้เกียจ หากผู้ป่วยใช้ตาข้างหนึ่งน้อยกว่าอีกข้างหนึ่ง ก็อาจทำให้ตาที่ไม่ได้ใช้มองเห็นไม่ชัดได้ เราเรียกภาวะแบบนี้ว่า ตาขี้เกียจ คราวนี้มันอยู่ที่ว่า ภาวะอะไรล่ะที่ทำให้เราใช้ตาข้างหนึ่งน้อยกว่าอีกข้างหนึ่ง ก็คือภาวะตาเหล่เพราะว่าเวลาคนที่เป็นตาเหล่ เขาจะใช้ตาทีละข้างเขาไม่ได้เหล่ทั้ง 2 ตา ตาไหนใช้ตานั้นจะตรง ตาที่ไม่ได้ใช้จะเป็นตาเหล่ เด็กบางคนโชคดีใช้ตาสลับไปสลับมา เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีภาวะตาขี้เกียจ เพราะได้ใช้ตาพอ ๆ กัน แต่บางคนเลือกที่จะใช้ตานึง ใช้ตาขวา ตาขวาก็ตรงตลอด ตาซ้ายเหล่ตลอด ในกรณีอย่างนี้ตาซ้ายที่ไม่ได้ใช้งาน จะมองไม่ชัด ทำให้เกิดตาขี้เกียจขึ้นมาได้ ซึ่งถ้าเรารักษาตอนอายุมากไปแล้ว มันจะรักษาไม่หาย ซึ่งการที่เราทำอะไรใกล้ๆนานๆ กิจกรรมที่ทำอะไรใกล้ๆนานๆเป็นผลร้าย ผู้ที่อ่านหนังสือติดต่อกัน หรือการใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตนานๆโดยไม่หยุดพัก ก็เช่นกัน